สำหรับผมวิธีการในการเปรียบเทียบคุณภาพลูกบดนะครับ

1. ผมดูราคาก่อนเลย ยกเว้นไว้เจ้าเดียวที่มาจากญี่ปุ่น ที่แพงยังไงก็ต้องซื้อ สำหรับบดเคลือบเพราะของเขาดีจริง ส่วนบดเนื้อดิน ผมดูราคาก่อนครับ แน่นอนของจีนต้องเข้าวิน

2. ดูความน่าเชื่อถือของผู้ผลิต เช็คจากผู้ที่ใช้งานแล้ว ถามคนในวงการ เวลาไปดูแฟร์ ก็ดู Booth เขาว่าเป็นอย่างไร ง่ายๆก็ถามผู้ที่เคยใช้นั่นแหละครับ ถาม%Alumina จากเขา ซึ่งแน่นอนคำตอบที่ได้จะคล้ายกันคือ 92%

3. นำมาทดสอบ Alumina loss โดยบดกับทรายแบบเปียก โดยชั่งน้ำหนักก่อนบดของลูกบด และทำการบดแปดชั่วโมง นำมาล้างและอบแห้ง ก่อนนำมาเช็คน้ำหนักอีกครั้ง คำนวณ %Loss ของลูกบด

4. เช็คค่าความถ่วงจำเพาะของลูกบดโดยใช้วิธีการแบบอาร์คีมิดิส ค่าที่สูงกว่าแสดงว่ามีรูพรุนต่ำกว่าหรือมี%Al2O3สูงกว่า ซึ่งมีโอกาส Loss น้อยกว่า

5. การดูว่ากระบวนการขึ้นรูปเป็นแบบใดนั้นสังเกตได้ง่ายๆจากราคาครับถ้าราคาถูกก็ใช้การขึ้นรูปแบบ Isostatic press หรือดูที่ลักษณะลูกบดก็ได้ครับ เพราะมันจะมีรอยนูนตรงกลางลูกเป็นสันๆ เกิดจากรอยประกบของ Mould

6. ที่สำคัญคือสั่งมาลองเลยครับ ลองในแลปมันไม่เห็นอะไรหรอก

ขออนุญาติตอบแทนอ.คชินทร์นะครับ

ถ้าหากต้องการทราบว่าลูกบดอันไหนดีกว่ากัน ต้องหาคุณสมบัติดังนี้ครับ 1. การสึกหรอเนื่องจากการบด 2. ค่าความถ่วงจำเพาะ ในส่วนตัวผมมองว่า 2 ตัวนี้ก็น่าจะพอเพราะว่ามันจะบ่งบอกถึงประสิทธิภาพการบดด้วยครับ แต่อย่างไรก็ดีควรสอบถามทางผู้ขายครับว่า ลูกบดนั้น ๆ ผลิตด้วยกระบวนการไหน เช่น CIP หรือ Rolling เพราะมันก็จะส่งผลต่ออัตราการสึกหรอนั่นเองครับ ส่วนใหญ่ลูกเล็ก ๆ จะ Rolling

การทดสอบอัตราการสึกหรอ สามารถทำได้โดยง่ายครับ ก็นำลูกบดเข้าสภาพบดเดียวกันและเปรียบเทียบค่าน้ำหนักที่หายไป อาจเป็นต่อชั่วโมงหรือต่อ Batch ก็ได้ครับ

ส่วนค่าความถ่วงจำเพาะก็เพื่อดูว่า อันไหนจะบดได้ดีกว่ากัน เพราะว่าถ้าความถ่วง ฯ มากก็จะได้แรง Impact Force มากด้วยครับ